อดัมสพีค หรือ ยอดเขาที่สูงที่สุดในศรีลังกา คนศรีลังการู้จักในนาม Sri Pada หรือรอยพระบาทพระพุทธเจ้า บนยอดเขา ซึ่งนักบวชผู้แสวงบุญพำนักพักผ่อนมานานนับพันปี กษัตริย์ 2 พระองค์ในสมัยโบราณได้สร้างที่พำนักไว้บนยอดเขาเพื่อให้นักแสวงบุญได้พักผ่อนเวลาเดินทางในป่า
ที่รู้จักกันอีกชื่อว่า อดัมสพีค Adam's peak ก็คือเหมือน เป็นก้าวเท้าแรก ของอดัมที่ลงมาจาก สวรรค์
เขานี้อยู่ทางใต้ของเกาะศรีลังกา ถ้าเดินทางจากโคลัมโบเราก็เส้น Colombo-Kandy-Nuwara Eliya ระหว่างเดินทางก็จะเห็นหุบเขาปลูกชาไปด้วย อากาศก็เย็นๆ ยิ่งบนยอดเขาจะหนาวเลยอยู่สูง
เที่ยวครั้งนี้ เราก็ไปกับคณะอาสาสมัครของ Jica เหมารถตู้กันไป นั่งรถก็ประมาณ 6 ชั่วโมงได้
ระหว่างทาง คนขับรถตู้จะจอดจุดสะพานอันนี้ ประมาณว่า เป็นแหล่งน่าชม สะพานนี้ชำรุดอย่างมาก เขาติดป้ายว่า ห้ามข้ามทีละเกิน 3 คน แต่คนไม่สนใจป้าย ข้ามกันที่ละหลายๆคน แบกของหนักๆ บ้างก็มี เสาสะพาน และเหล็กเส้น โทรมเต็มที อาจจะพังได้ทุกเมื่อ
ระหว่างทางก็มีทุ่งปลูกชาให้ดูเรือยๆ สวยดี อากาศก็เย็นๆ
และแล้วเราก็มาถึงตีนเขา Adam's Peak
บริเวณตีนเขามีร้านขายของมากมาย เยอะแยะไปหมด
เราจะไปพักที่วัดญี่ปุ่น ซึ่งต้องเดินต่อไปอีกหน่อย
ช่วงเนินเขาก็มีจะพระพุทธรูปตามทางให้ได้ชม กราบไหว้ด้วย
ตรงนี้มีพระนอนองค์ใหญ่ คณะ Jica ก็เดินตามกันมาค่ะ
กว่าจะถึงวัดญี่ปุ่น ก็ต้องเดินอีกประมาณ ชั่วโมงนึงได้
พระนอนองค์ใหญ่มาก
ผ่านจุดพระนอน ก็เป็นทางเดินขึ้นวัด วิวทิวทัศน์สวยงาม อากาศเย็นสบาย
เห็นยอดยอดเขาแหลมๆนั่่น ก็คือ Adam's Peak นั่นเอง
เห็นป้ายแล้ว เข้าสู่บริเวณวัดญี่ปุ่น
ในบริเวณวัดจะมีเจดีย์ใหญ่สีขาวด้วย สร้างใหม่ สวยงาม
และแล้วก็มาถึงตัววัดญี่ปุ่น เป็นวัดนิกาย นัมเมียวโฮเร็งเงเคียว หรือ สัทธรรมปุณฑริกสูตร เป็นนิกายที่นับถือกันมากในญี่ปุ่น
และนี่คือที่พักของเรา เป็นอาคารของวัด
มาพักวัดก็สมบุกสมบันดี ไม่ได้สบายเหมือน guest house
เราทุกคนก็ช่วยกันทำอาหาร หุงข้าวกันเอง คณะ 26 คน เป็นคนญี่ปุ่นทั้งหมด เขาทำงานกันเป็นทีมได้น่ารักจริงๆ ดิฉันเป็นคนไทยคนเดียวในกลุ่ม เห็นน้องๆพวกนี้ รู้สึกชื่นชม
คนญีปุ่นมีวินัย Team Work ยอดเยี่ยม และไม่เอาเปรียบส่วนรวม ตรงเวลาด้วย
ถึงแม้บ้านเมืองญี่ปุ่นเขาสะดวกสบาย แต่ยามลุย ห้องครัวเก่าๆ หุงข้าวด้วยเตาถ่าน ควันดำโขมง
ล้างจานด้วยกากมะพร้าว ไม่มีสก๊อตไบรท์ พวกเขาก็ทำกันได้ดี ไม่มีบ่น ช่วยกันเต็มไม้เต็มมือ
เนื่องด้วยห้องครัวแออัด ส่วนนึงก็นั่งรอที่ห้องกินข้าว ไม่มีใครไปแอบนอน หรือทำธุระส่วนตัว แต่พวกเขาคอยวิ่งไปเอาของ หยิบจับ เตรียมจาน
เมนูแรกและเมนูเดียวของมื้อเย็นคือ Japanese Curry Rice แกง Curry สไตล์ญี่ปุ่นราดข้าว
ประเพณีญี่ปุ่นคือ วันสุดท้ายของปี ช่วงก่อนเที่ยงคืนที่จะเข้าวันใหม่ เขาจะซดบะหมี่ หรือ ราเมน
และก็จะดื่มฉลองเหล้า สาเก
แต่ในงานนนี้ ทุกคนก็ซดแค่บะหมี่ เพราะซดสาเก พระคงไม่อนุญาติ 5555
หลังจากนั้น เจ้าอาวาส ก็พอทำพิธีปีใหม่ เคาะระฆังคนละสามครั้ง แล้วท่านก็นับไปเรื่อยๆ คนเคาะครบ 180 ครั้ง
โต๊ะพระ
พอตี 2 เราก็เตรียมขึ้นเขา ในวันปีใหม่ เขาจะแนะนำนักท่องเที่ยวให้เริ่มปีนเวลานี้ เพื่อให้ไปทันดูพระอาทิตย์ขึ้นของเช้าวันปีใหม่ เป็นศิริมงคล
เห็นไฟขาวๆ ในรูปที่เลื้อยตามเขาไม๊ ตลอดทางขึ้นเขาติดไฟด้วย การขึ้นเขากลางคืนจึงไม่มีปัญหา
ระหว่างก็มีจุดพักเยอะมาก มีน้ำขวดขายหลายจุด ถ้าไม่อยากแบกน้ำหนัก
ไปซื้อข้างบนก็ได้ แต่แพงหน่อยนะค่ะ ลืมบอกไปว่า ในอดัมพีค ไม่มีตู้ ATM หรือร้านอาหารนะค่ะ อาจจะต้องเตรียมอาหารมาเอง ขึ้นเขาใช้เวลาปีน ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระยะทาง 7 Kms. ไต่บันไดซีเมนต์ประมาณ 5200 ขั้น
![]() |
| ร้านขายน้ำ และโรตี ระหว่างทาง |
ที่คนต่างชาติทึ่งก็คือ เห็นคนศรีลังกาปีนเขาด้วย เท้าเปล่า ทางเดินซีเมนต์เกือบหมด อากาศก็หนาว แต่พวกเขาทำได้ ไม่ใช่แค่คนหนุ่มสาวนะ คนแก่ๆ ก็เดินเท้าเปล่ากันได้
เราใช้เวลาปีนมากว่าใคร เพราะแก่ค่ะ ช่วยไม่ได้จริงๆ เราปีนใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง
พอมาถึง ก็เห็นคนเยอะแยะ ยืนรอพระอาทิตย์ขึ้้นตรงจุดชมวิวกันแล้ว บริเวณยอดเขาไม่ใหญ่นะ และเนื้อที่ทั้งหมดบนยอดเขาสร้างเป็นวัดไปแล้ว
รอลุ้นพระอาทิตย์ขึ้นเช้าวันปีใหม่
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่ไม่เห็นดวงอาทิตย์ เมฆหมอกเยอะเหลือเกิน
แต่วิวทิวทัศน์ที่สว่างขึ้น ก็กลายเป็นทะเลหมอกอยู่ข้างล่าง สวยงามจริงๆ
แล้วก็เริ่มพิธี บูชา มีพระสวดมนต์ คนศรีลังกาชาวพุทธก็นั่งสวดมนต์รอบๆ พระพุทธบาท
ระหว่างทางขึ้น เราได้ทักทายพี่คนไทยท่านนึง พี่เขาขึ้นเขานี้ มา 20 กว่าครั้ง !
มากกว่าคนศรีลังกาหลายๆคนอีก
คนเสื้อม่วงในรูปค่ะ เก่งมากๆ
พอเริ่มสว่าง เราก็เตรียมตัวลงเขาละ
กินอาหารเช้าที่แพคมาก่อน ไม่งั้นไม่มีแรง ลงเขาอีก 7 กม
ขาลง ขาสั่นเลย เพราะชันมาก ขารับน้ำหนักตลอด ต่างกับขาขึ้นแทบหายใจไม่ทัน แต่ไม่ปวดขา
แนะนำว่า ใครจะมาปีนเขานี้ ให้เตรียมไม้เท้ามาด้วย จะช่วยได้มาก
ชมวิวระหว่างที่เราไม่เห็้นตอนกลางคืน สวยมากๆ
จะมีช่วงนึงที่คนโยงเส้นสายสิญจ์ ข้างๆทางเดิน เป็นประเพณีมงคล
พอโยงไป เขาก็อธิษฐานไปในสิ่งที่ตนเองปรารถนา
เดินจนขาสั่น ปวดขาไปหมด พอเห็นเจดีย์สีีขาว ของวัดญี่ปุ่น ค่อยชื่นใจ ใกล้ถึงแล้ว
พอมาถึงวัด เลยรู้ว่า เรามาถึงเป็นคนสุดท้าย แฮะๆ ก็น้องๆเขาเด็กนี่นะ เราแก่ที่สุด 555
พักสักหน่อยดื่มชา กินบะหมี่หน่อย ก็เตรียมแพคกระเป๋า ลาพระกลับบ้าน
นั่งรถตู้กลับโคลัมโบมา 6 ชั่วโมง ตลอดทางไม่มีใครคุยกันเลย หลับเป็นตายทุกคน
พอมาถึงบ้าน นี่แหละสวรรค์ของจริง
แต่ต้องทนปวดขาไปอีก สัปดาห์นึง
รวมๆแล้วมั้นส์ดี ได้รสชาติของชีวิต


































1 comment:
Play Slot Dragon Kingdom Online at A-Z Casino rb88 rb88 クイーンカジノ クイーンカジノ 카지노 카지노 2530Bingo Paypal app | Slingo - stillcasino.com
Post a Comment